วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555


สร้างจิตสำนึกในงานบริการ ตอน บุคลิกภาพที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

        การมีบุคลิกภาพที่ ดีสามารถบอกเกี่ยวกับการทำงานบางอย่าง เช่น การเตรียมความพร้อมที่มีต่อการทำงาน เป็นผู้พร้อมที่จะรับผิดชอบงานในทุกรูปแบบ พร้อมที่จะเผชิญปัญหา และอุปสรรคนานาประการ รวมถึงมีความพร้อมต่อการสร้างปฏิสัมพันธ์และการพูดคุยกับผู้อื่น
        เพราะฉะนั้น บุคลิกภาพจึงเป็นเหมือนภาพลักษณ์ภายนอกที่สำคัญ ถือว่าเป็นหน้าตาและกระจกส่องภาพพจน์ของตัวเอง การสร้างบุคลิกภาพที่ดีของตนเองนั้นไม่ยาก ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความต้องการโดยมีเทคนิคและหลักการปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้

1. การจัดทรงผม
    คงจะเป็นเรื่องแน่ถ้าคุณเดินเข้าห้องประชุม หรือไปพบลูกค้าปรากฏหว่าผมคุณไม่ได้หวี  คุณลองคิดดูว่าฝ่ายตรงข้ามจะคิดอย่างไร? ซึ่งในบางครับคุณอาจเสียลูกค้าไปเลยก็ได้ โดยมีวิธีพัฒนาตัวเองดังนี้ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งตรวจดูทรงผมว่าเรียบร้อยหรือยัง และจัดทรงผมให้เหมาะสมกับกาลเทศะ โอกาส และบุคลิกภาพของตนเองด้วย

2. การแต่งกาย
    การ แต่งกายด้วยเสื้อผ่าที่หลุดลุ่ย มีกลิ่นเหม็นอับ เสื้อผ้าที่เซ็กซี่เกินไป การแต่งตัวเช่นนี้ทำให้คนอื่นคิดมากไปต่างๆ นาๆ หรือลูกค้าบางคนไม่ชอบก็จะทำให้ไม่ได้อยากพูดคุยด้วยก็เป็นได้ โดยมีแนวทางในการพัฒนาตนเองดังนี้ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่าง และบุคลิกลักษณะของตน โดยดูความเหมาะสมของบุคคลและสถานที่ที่คุณจะไปด้วย นอกจากนี้ควรดูสภาพเสื้อผ้าที่แต่งด้วย คือควรรีดและจัดเสื้อให้เรียบร้อย ที่สำคัญไม่ควรให้ผ้าเหม็นอับหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์

3. การเดิน นั่ง และยืน
    ลักษณะการเดิน นั่ง และยืน สามารถบอกได้ถึงนิสัยของตัวคุณเองว่าเป็นคนอย่างไร มีอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการเป็นอย่างไร ซึ่งบางคนเดินห่อไหล่ ทำให้ดูไม่มั่นใจในตนเอง ไม่กล้าแสดงออก หลักง่ายๆ ในการเดิน นั่ง และยืนที่ดูดีก็คือ ยืดตัว หน้าตรง เดินแกว่งแขนไปมาเล็กน้อย เพราะการที่เราเดิน นั่ง และยืนถูกลักษณะนอกจากจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตนเองแล้วยังมีผลต่อสุขภาพของ คุณเองอีกด้วย

4. การใช้สายตา และแววตา
    สายตาและแววตาที่แสดงออกมานั้นสามารถเป็นสิ่งดึงดูดใจผู้อื่นได้ แต่บางคนมีแววตาเศร้าหมอง สีหน้าอิดโรย ดูเหมือนคนไม่ได้นอน หรือเจอเจ้านายหรือลูกน้องด้วยแล้วจะทำให้บริษัทของคุณดูเงียบขรึมไปในทันที หรือบางคนเวลาที่เราคุยด้วยสายตาจะไปมองที่อื่น โดยคุณสามารถพัฒนาเริ่มจากตัวเองได้ดังนี้ การคุยกับผู้อื่นต้องสบตาเราต้องสบตาด้วยตลอด ไม่หลบหรือหลีกเลี่ยงการปะทะสายตา แต่การสบสายตานั้นไม่ใช่การจ้องแบบเอาเลือดเอาเนื้อ ควรเป็นการแสดงออกด้วยความรู้สึกเอาใจใส่ และความปรารถนาที่อยากจะพูดคุยด้วย รวมถึงมีแววตาที่เต็มใจให้ความช่วยเหลือ ความเป็นกันเอง และความร่วมมือต่างๆ ดังนั้นการนอนหลับพักผ่อน การดูแลสุขภาพของตนเองนั้นจะทำให้คุณมีสภาพจิตใจที่ดี และมีแววตาที่ดี สดใส และแจ่มใสอยู่เสมอ

5.การใช้คำพูด และน้ำเสียง
     การใช้คำพูด และน้ำเสียงนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าสายตาที่จ้องมองคู่สนทนาซะอีก เพราะการใช้น้ำเสียง และคำพูดที่ไม่ถูกกาลเทศะจะทำให้ความหมายที่สื่อออกมาผิด ยิ่งเป็นคนที่ไม่สุภาพด้วยแล้ว จะทำให้คนอื่นมองเราเป็นคนก้าวร้าว สักแต่ว่าจะพูด โดยคุณสามารถพัฒนาตัวเองได้ดังนี้ นิ่งเงียบ ใช้สถานการณ์ของการเงียบสยบความรู้สึก เพราะการที่ไม่พูดจะดีกว่าพูดออกมา แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้เลือกใช้คำพูดแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นจะดีกว่า คือ หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ดูถูกดูหมิ่น เหน็บแนม หรือใช้คำพูดก้าวร้าว

6. การแสดงพฤติกรรมอื่นๆ ที่ไม่ธรรมดา
    การแสดงพฤติกรรมอื่นๆ เช่น การเอามือล้วงกระเป๋า ผิวปาก หรือยักคิ้ว ยักไหล่ เวลาพูดคุยกับคนอื่น หรือแสดงพฤติกรรมอื่นๆ ที่แปลกไปจากคนอื่น เพราะจะทำให้ดูเสียบุคลิกภาพ เสียภาพลักษณ์ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือต่อผู้พบเห็น ซึ่งสามารถพัฒนาตนเองได้ดังนี้ ให้สังเกตว่าตัวคุณมีพฤติกรรมแปลกไปจากคนอื่นหรือไม่ รวมถึงการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ควรต่อว่าหรือแสดงความโกรธเคืองหากมีคนตักเตือนหรือบอกกล่าวเกี่ยวกับ พฤติกรรมของตนที่ไม่ควรทำ ซึ่งอาจจะเป็นนิสัยที่คุณทำจนชินจนรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอะไร อาจจะใช้เวลาในการปรับตัวบ้างก็แล้วแต่ตัวบุคคลว่าควบคุมตัวเองได้มากเท่า ไหร่


ที่มา :
http://th.jobsdb.com/th/TH/V6HTML/Home/customer_editor25.htm
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น